Monday, July 15, 2013

พ่อคนนี้..นั้นมีแต่ให้ ( Kramer VS Kramer )












Good Night Sleep Tight - 

Don't Let The Bed Bug Bites...

I'll See You In The Morning Lights........ 

I LOVE YOU, BILLY!!!! 

I LOVE YOU, TOO MOMMY.....


Kramer VS Kramer หนังครอบครัวปี 1979 ที่ควรจะดูก่อนตาย ยอดเยี่ยม สุขสันต์ หรรษา ร้องไห้ หนังที่ทำให้โลกเห็นว่า ความรักและหน้าที่ของแม่ต่อลูกที่ว่ายิ่งใหญ่ ก็ไม่มีบัญญัติใดที่ระบุว่า "พ่อ" จะทำไม่ได้




หนังเปิดฉากด้วย Ted Kramer ซึ่งเป็น Art Director ของ New York Advertising กลับบ้านด้วยความตื่นเต้นเพื่อจะบอกข่าวดีกับภรรยา Joanna ถึงความสำเร็จในหน้าที่การงาน ซึ่งเท็ดบอกว่า "เป็น 1 ใน 5 วันที่ดีที่สุดในชีวิตของเขา" จากที่ตั้งใจจะ Surprise ภรรยา เท็ดกลับโดนโจแอนน่าเซอร์ไพรส์ซะเอง ด้วยการบอกเลิก และเก็บกระเป๋าออกจากบ้าน ซ้ำร้ายยิ่งกว่าเขาทิ้งลูกชายตัวน้อยวัย 7 ขวบ Billy ไว้ให้เท็ดดูแล ด้วยเหตุผลว่า เธอเป็นแม่ที่แย่ ไม่มีความอดทน ตะคอกลูกตลอด ชีวิตลูกชายคงดีกว่านี้หากไม่มีเขา




"I am no good for him! I'm a terrible mother! 
I'm an awful mother. I yell at him all the time. 
I have no patience. No...No. He's better off without me"




เท็ดกลายเป็นคุณพ่อและคุณแม่แบบไม่ทันตั้งตัว เขาพยายามคิดว่าโจแอนน่าคงกลับมาในไม่ช้า แต่ก็ต้องตื่นมาพบกับความจริงที่ว่าเธอไปแล้วจริงๆ เท็ดเลยต้องแบกภาระเลี้ยงดูบิลลี่ พร้อมกับภาระงานอันยิ่งใหญ่ที่เพิ่งได้รับข่าวดีมาเมื่อคืน ซึ่งไม่ง่ายเลยที่จะทำพร้อมกันได้ หนูน้อยบิลลี่ตื่นขึ้นมาและรู้ว่าแม่หายไป ทั้งที่สัญญาว่าจะไปส่งเขาที่โรงเรียน เขาถามพ่อว่าแม่จะมาเมื่อไหร่ ซึ่งเท็ดได้แค่ตอบว่า "เร็วๆ นี้" และเขาจะไปรับ ส่ง บิลลี่ที่โรงเรียนเอง 





เท็ดทั้งทุ่มเททำงาน และเลี้ยงดูบิลลี่ แต่เพียงลำพัง มันเป็นงานที่ยากเกินกว่าพ่อจะทำได้ แต่เท็ดก็พยายามเต็มที่ บางครั้งเขาทั้งดุ ด่า ลูก เพราะเครียดกับงาน และลืมไปว่าบิลลี่เป็นเพียงเด็ก ไร้เดียงสา สองพ่อลูกผูกพันธ์กันขึ้นทุกวันๆ เป็นความรักและห่วงใยของผู้ชายสองคนทีเชื่อมโยงเข้าหากันคนหนึ่งขาดภรรยาที่รักและอีกคนขาดแม่    พ่อลูกจึงเข้าใจซึ่งกันและกัน 

งานของเท็ดเริ่มลดประสิทธิภาพลงเรื่อยๆ เนื่องจากเขาต้องเป็นแม่และพ่อให้บิลลี่ เวลาที่ทุ่มเทให้กับงานเริ่มหายไป หัวหน้าเขาเริ่มเกิดความไม่เชื่อใจในความรับผิดชอบต่องานใหญ่ๆของเท็ด เพราะบ่อยครั้งที่เท็ดมาสายในการร่วมการประชุมสำคัญ บางครั้งก็ออกงานก่อนเวลา เพราะมีโทรศัพท์หาจากทางบ้่าน 




เท็ดพยายามประคับประคองหน้าที่หลักทั้งสองอย่าง ทั้งหน้าที่ความเป็นพ่อ และหน้าที่ความเป็นพนักงงานของเขา อย่างเต็มที่แต่บางครั้งมันก็หนักเกินไป เกินกว่าคนเพียงคนเดียวจะแบกรับไว้ไว้ได้ ในขณะที่หน้าที่การงานเริ่มลดถอยลง หน้าที่พ่อกลับมีประสิทธิภาพมากขึ้น เท็ดเป็นพ่อที่ดี เลี้ยงดูบิลลี่ เพียงลำพังมาเกือบปีครึ่ง ซึ่งทำให้เขาและบิลลี่รักกัน ผูกพันธ์กันเกินกว่าที่เคยเป็นมา







ทุกอย่างเหมือนจะกำลังไปได้ดี จนกระทั่งวันหนึ่งโจแอนน่ากลับมา เธอไม่ได้กลับมาหาเท็ด แต่กลับมาเพื่อทวงสิทธิ์ความเป็น "แม่" คืน โจแอนน่า แอบมองบิลลี่ที่โรงเรียนอยู่ห่างๆ อย่างห่วงๆ อยู่หลายวัน จนวันหนึ่งเธอได้โทรนัดเจอเท็ดเพื่อเจรจา



ทุกอย่างไม่เหมือนวันที่โจแอนน่าเดินจากมา วันที่เธอเดินจากเท็ด เท็ดถามเธอว่าทำไมไม่เอาบิลลี่ไปกับเธอด้วย แต่วันนี้เธอมาขอบิลลี่ไปอยู่กับเธอด้วย เท็ดกลับโมโหสุดชีวิตและไม่ยอมเด็ดขาด เพราะเขากับบิลลี่มีกันและกัน และผูกพันธ์กันเกินกว่าจะแยกจากกัน ถึงแม้ความรู้สึกของความเป็น "แม่" ของโจแอนน่า จะกลับหวนมา แต่ความเป็น "พ่อ" ของเท็ดก็พุ่งกระฉูด เมื่อต่างฝ่ายต่างต้องการบิลลี่และตกลงกันไม่ได้ เลยต้องพึ่งศาลมาเป็นผู้ตัดสิน



ความซวยของเท็ดเหมือนกำลังสาดเข้ามาเป็นพายุทอร์นาโด นอกจากเรื่องที่ต้องขึ้นศาลเพื่อปกป้องสิทธิ์ความเป็นพ่อแล้ว การถูกไล่ออกจากงาน ก็ยิ่งสร้างความกังวลใจให้เท็ด ทนายเขาอธิบายให้เห็นภาพว่าคดีแบบนี้ ส่วนใหญ่ผู้เป็นแม่มักชนะเสมอ มีโอกาสที่จะชนะน้อย ยิ่งเท็ดมาตกงานแบบนี้ ศาลยิ่งจะมองเห็นความไม่แน่นอนของบิลลี่ หากอยู่ในการดูแลของเท็ด 

เท็ดก้มหน้าก้มตาหางานภายใน 24 ชั่วโมงเพื่อให้ตัวเขาดูมีหลักมีฐาน เขายอมรับงานที่ได้เงินเดือนน้อยกว่าเดิม 5000$ ต่อปี ซึ่งต่อมากลายเป็นประเด็นที่ฝ่ายโจแอนน่าเล่นงานเขาในศาล เพราะตอนนี้โจแอนน่าทำงานและมีเงินเดือนมากกว่าเท็ด ช่วงเวลาในศาลเป็นฉากที่ทุกคนคงประทับใจ เมื่อทั้งสองฝ่ายต่างแสดงความเป็นพ่อและแม่ออกมาสู้กัน ฝ่ายโจแอนน่าก็อ้างว่าเธอเป็นแม่บิลลี่มา 5 ปีครึ่ง ดูแลมาตลอด แต่เท็ดเพิ่งมารับหน้าที่นี้เพียง 18 เดือน ไหนเลยจะทำหน้าที่ได้ดีไปกว่าเธอ 


Constancy, patience, understanding ...
love. Where is it written that a man has any less of 
those qualities than a woman? 
Billy has a home with me, I've tried to make it the best I could. 
It's not perfect. I'm not a perfect parent. I don't have enough patience. 
Sometimes I forget he's just a little kid...
But I love him... More than anything in this world 
I love him. - Ted Kramer -


สุดท้ายศาลตัดสินให้โจแอนน่าผู้เป็นแม่ ได้สิทธิ์เลี้ยงดูบิลลี่ ซึ่งไม่น่าแปลกใจเลย เท็ดพาบิลลี่ไปเดินเล่นที่สวนสาธารณะ เพื่อจะบอกว่านับ จากนี้ บิลลี่จะไปอยู่กับแม่ คนที่หนูน้อยถามถึงเสมอว่าเมื่อไหร่จะกลับ
บิลลี่ที่อยู่กับพ่อมาตลอก 18 เดือนที่ผ่านมา รู้สึกว่านั่นเป็นเวลาที่มีค่า และทำให้เขารู้ว่าพ่อรักเขาแค่ไหน และเขารักพ่อมากเพียงใด หนูน้อยถามพ่อว่า ห้องเขาจะอยู่ตรงไหน ใครจะอ่านนิทานให้ฟังก่อนนอน 
และที่ทำทุกคนร้องไห้คงเป็นฉากที่หนูน้อยถามเท็ดว่า.......
"ถ้าเขาไม่ชอบที่นั่น เขากลับบ้านมาหาพ่อได้ไหม" 


If I Don't Like It, Can I Come Home?

ฉากที่สองพ่อลูกนั่งอยู่ในห้องด้วยกันเพื่อรอ โจแอนน่าผู้เป็นแม่มารับ เป็นภาพที่ดูแล้วเจ็บปวด เท็ดและบิลลี่ นั่งเงียบทั้งที่ในใจนั้นอยากจะ
ร้องไห้ออกมาดังๆ 


เท็ดเขียนจดหมายถึงอดีตภรรยาเกี่ยวกับลูกชาย ว่าเขาชอบอะไร ไม่ชอบอะไร แพ้อาหารประเภทไหน และลงท้ายด้วยข้อความแสนประทับใจ

"I'm grateful for the time we've had together and 

I feel I am a better man because of my son...Ted."


ในที่สุดโจแอนน่าก็ตระหนักได้ว่า เขารักบิลลี่มากแค่ไหน และการที่พรากเขาไปจากพ่อที่เขารัก บ้่านของเขา ห้องนอนของเขา คงเป็นสิ่งที่ทำร้ายจิตใจลูก และเท็ด โจแอนน่ายอมเดินจากไปด้วยความโศกเศร้า เพราะเธอคือแม่ และแม่ย่อมยินดีเมื่อลูกมีความสุข ไม่ใช่พรากความสุขไปจากลูก 18 เดือนที่เธอกล้าเดินหายไป เธอได้นำพาความทุกข์มาสู่ลูก แต่เท็ดผู้เป็นพ่อก็พาลูกน้อยบิลลี่ฝ่าฟันมา จากทุกข์กลายเป็นสุข แล้วเธอจะทำลายมันหรือ...เธอคงไม่กล้าพออีกครั้งที่จะพรากบิลลี่ไปจากสิ่งที่มีค่าที่สุดในชีวิตเขา..นั่นคือ พ่อ..พ่อผู้มีแต่ให้

ดูแล้วไม่กลายเป็นหนังในดวงใจ...ก็ให้มันรู้ไป 




No comments:

Post a Comment