เรื่องราวของหนังเป็นการถ่ายทอดเรื่องราวของเด็กชายวัย 12 คนหนึ่งซึ่งชื่อว่า "อิงม่าร์" (Ingmar) อิงม่าร์ อาศัยอยู่กับแม่และพี่ชาย ซึ่งดูมีความสุขดี มีแม่คอยอ่านหนังสือให้ฟัง และอิงม่าร์ก็คอยเล่าเรื่องต่างๆให้แม่ฟังอย่างสนุกสนาน อิงม่าร์มีหมาที่เขารักมากชื่อซิกเก้น ซึ่งเขาบอกว่ารักซิกเก้นเท่ากับรักแม่เลยทีเดียว ทุกอย่างเริ่มเปลี่ยนไปเมื่อแม่ไม่สบาย จากที่เคยหัวเราะได้ตลอดเวลาอิงม่าร์เล่าอะไร กลับกลายเป็นโมโหง่าย ไม่เหมือนเก่า จมตัวเองอ่านหนังสือบนที่นอนทั้งวัน
เด็กน้อยและพี่ชายถูกส่งไปอยู่กับญาติที่ต่างจังหวัด โดยพี่ชายไปอยู่กับย่าและอิงม่าร์ไปอยู่กับลุง เนื่องด้วยแม่ป่วยหนักและต้องพักผ่อน ด้วยความคิดแบบเด็กๆ ไร้เดียงสา ใสซื่อ อิงม่าร์น้อยใจและคิดว่าชีวิตเขาตอนนี้คล้ายๆกับไลก้า สุนัขตัวแรกที่ถูกส่งไปกับยายอวกาศสปุทนิค โดยที่ไม่มีใครถามความสมัครใจของมันเลยว่ามันอยากไปหรือไม่ สุดท้ายมันก็ต้องตายเพราะอดอาหาร อิงม่าร์คิดว่าแม่ไม่รักเขาแล้วเลยส่งเขาไปอยู่ที่อื่น เหมือนคนรัสเซียทำกับไลก้า วัยเยาว์อย่างอิงม่าร์ไหนหรือจะรู้เหตุผลที่แท้จริง
เด็กชายอิงม่าร์ถูกส่งขึ้นรถไฟลำพังไปอีกเมืองซึ่งมีคุณลุงคุณป้าคอยต้อนรับอยู่ ด้วยวิถีความเป็นอยู่แบบชนบท เรียบง่าย อิงม่าร์ได้เรียนรู้ชีวิตและรู้จักกับเพื่อนๆมากมาย จนเหมือนว่ามันช่างเป็นช่วงเวลาที่ดีน่าจดจำเหลือเกิน คุณลุงพาหนุ่มน้อยไปทำงานที่โรงงานแก้วด้วย ซึ่งที่นี่อิงม่าร์ได้รู้จักกับเบริท สาวสวยรุ่นน้อง (แม่) ที่อิงม่าร์บอกว่ารัก เบริทมักชอบพูดคุยกับอิงม่าร์ สร้างความอบอุ่นใจให้กับคนที่ต้องห่างแม่มาอย่างเขามากโข เบริทพาอิงม่าร์ไปเป็นเพื่อนด้วยทุกครั้งที่ไปเป็นแบบ (นู้ด) ให้ช่างภาพคนหนึ่ง และด้วยความอยากรู้อยากเห็นของเด็ก อิงม่าร์ถึงขนากปีนขึ้นไปบนหลังคาเพื่อแอบดูเบริทแก้ผ้าเป็นแบบ จนตกลงมากระจกบาดตัวเป็นแผลไปหมด แต่อิงม่าร์บอกว่า "คุ้ม"
ช่วงเวลาดีๆมักผ่านไปอย่างรวดเร็ว เหลือไว้ก็แต่ความทรงจำดีๆ เมื่อแม่อาการดีขึ้นอิงม่าร์จึงต้องกลับบ้าน ถึงแม้เขามีความสุขกับผู้คนที่นี่เท่าไหร่ แต่อิงม่าร์ก็สุขกว่าที่จะได้กลับไปหาแม่ ไปฟังแม่อ่านนิทานให้ฟัง กลับไปหาหมาที่เขารัก "ซิกเก้น" และกลับไปที่ที่เรียกว่า "บ้าน"
อิงม่าร์กลับบ้านได้ไม่นาน แม่เขาก็อาการป่วยกำเริบ ต้องไปรักษาตัวที่โรงพยาบาล และอีกครั้งที่อิงม่าร์และพี่ชายต้องกลายเป็นเหมือนสุนัขไลก้าอีกรอบ แต่คราวนี้เขาสองคนไปอยู่ด้วยกันกับลุงอีกคนหนึ่งซึ่งคุณป้า ภรรยาของลุงไม่ค่อยพอใจที่ลุงเอาหลานมาอยู่ด้วย อย่างที่อิงม่าร์เคยพูดว่าเขารักซิกเก้นเท่าแม่ อิงม่าร์บอกลุงว่าเขาจะเอาซิกเก้นมาอยู่ด้วย เพราะซิกเก้นถือเป็นสมาชิกของครอบครัวเขา ลุงไม่อนุญาติแต่บอกว่าจะอาสาเอาไปฝากเลี้ยงไว้อีกที่หนึ่งให้
อยู่มาวันหนึ่ง ลุงบอกว่าจะพาอิงม่าร์และพี่ไปเยี่ยมแม่ โดยที่สองหนุ่มไม่รู้เลยว่านั่นจะเป็นครั้งสุดท้ายที่เขาทั้งสองได้เจอแม่ อิงม่าร์เดินเข้าไปหาแม่โดยไม่พูดจา มีเพียงน้ำตาเท่านั้นที่บอกเล่าความรู้สึกของเขา ก่อนออกจากห้องเยี่ยมแม่ อิงม่าร์วิ่งเข้าไปถามแม่ว่า อยากได้อะไรเป็นของขวัญวันคริสมาสต์ เขามีตังค์เก็บจากากรทำงานที่โรงงานแก้ว เขาจะซื้อทุกอย่างที่แม่อยากได้ให้เป็นของขวัญ แม่ถึงกับน้ำตาซึมและบอกว่า "ลูกรู้ว่าแม่อยากได้อะไร"
ด้วยความไร้เดียงสา อิงม่าร์ได้ขอร้องให้พี่ชายจ่ายค่าเครื่องปิ้งขนมปังกับเขาคนละครึ่งเพื่อซื้อเป็นของขวัญให้แม่ พี่ชายไม่พูดได้แต่เงียบเพราะความจริงบางอย่างที่เขาเก็บไว้ อิงม่าร์รบเร้าจนพี่ชายทนไม่ไหว เผลอหลุดปากออกมาว่า "แม่กำลังจะตาย ไม่รู้เหรอ" อิงม่าร์โกรธมาก เขาไม่คิดว่าที่พี่ชายพูดคือเรื่องจริง เขาคิดเพียงแค่ว่าพี่ชายขี้เหนียวจึงหาเรื่องกลบเกลื่อน อิงม่าร์ไปหาซื้อเคื่รองปิ้งขนมปังตามที่ตั้งใจเองกับเพื่อนคนหนึ่ง โดยที่ไม่รู้เลยว่าแม่คงไม่มีโอกาสได้ใช้ อิงม่าร์ได้รับข่าวร้ายจากลุงหลังจากที่เขากำลังจะนำของขวัญคริสมาสต์ที่เขาตั้งใจซื้อไปให้แม่ ต่อแต่นี้ "แม่" จะมีแต่ในความทรงจำเท่านั้น ไม่มีอีกแล้วแม่ที่จะอ่านนิทานให้เขาฟัง แม่ที่คอยถ่ายภาพให้เขา แม่ที่คอยฟังทุกอย่างที่เขาเล่า "แม่..ต่อแต่นี้เป็นความทรงจำดีๆ ที่เจ็บปวดเหลือเกิน สำหรับเด็กชายอายุ 12 "
LIFE IS HARD SOMETIMES, IT'S NOT EASY TO BE LEFT ALONE
- MY LIFE AS A DOG -
No comments:
Post a Comment